ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 4
Featured posts

ด่วน! รถกู้ภัยพุ่งฝ่าสัญญาณไฟ คิดว่าทัน ก่อนชนประสานงา พังยับ มีคนเสียชีวิต

วันที่ 5 กันยายน พ.ต.ท สมจิตร สิริแหวง สว. (สอบสวน) สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนโรจนะ ขาออก บริเวณกลางสี่แยกสัญญาณไฟจราจร ทางเข้าสวนอุตสาหกรรมโรจนะประตูบี ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พุทไธสวรรย์ ไปให้การสนับสนุนที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ ผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายภานุพงศ์ เทศารินทร์ อายุ 38 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลราชธานี

กลางถนนพบรถยนต์เก๋ง สีขาวหมายเลขทะเบียน กธ-1666 พระนครศรีอยุธยา ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินหมายเลขทะเบียน 2กฆ1212 สกลนคร สภาพพังเสียหาย เป็นของผู้เสียชีวิต ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ สีเหลือง สภาพพังเสียหาย เป็นรถของผู้บาดเจ็บ หางออกไปประมาณ 20 เมตร บนเกาะกลางถนนพบรถยนต์กระบะ สีบลอนด์ หมายเลขทะเบียน บล-5807 พระนครศรีอยุธยา สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังเสียหาย

จากการสอบถามคนขับรถยนต์เก๋ง ทราบว่า จอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ เพื่อรอที่จะเลี้ยวกลับรถ โดยมีรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจอดอยู่ด้านข้าง จังหวะนั้นมีรถยนต์กระบะวิ่งมาทางตรงพุ่งมาชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เก๋งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้านนายอดิศักดิ์ วิเศษการ อายุ 32 ปี คนขับรถกระบะ เป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อ้างว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน มาตามถนนโรจนะมุ่งหน้าไปสี่แยก อ.อุทัย พอมาถึงกลางสี่แยกสัญญาณไฟ ตอนนั้นสัญญาณไฟเขียว อยู่แต่กำลังจะสลับเป็นไฟสีส้ม ตนขับหลุดออกมากลางสี่แยกแล้วครึ่งทางเป็นจังหวะเดียวกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่พุ่งออกมา ตนเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าอย่างจังจนรถไถลพลิกคว่ำ ขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนน

2

นับถอยหลัง แจกเงินดิจิทัล10000บ. กลุ่มนี้เหลือโอนเงินเข้าเท่านั้น

อัปเดตความเคลื่อนไหว การกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย เงินดิจิตอลวอลเล็ต ล่าสุด ใกล้ความจริง หลังประชาชนคนไทย รอมานาน นับถอยหลัง เดือนกันยายน 2567 รัฐบาลบอก แจกจริง แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท กลุ่มเปราะบาง เหลือโอนเงินเข้าบัญชีเท่านั้น? บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ย้ำไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แอปทางรัฐ โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (Digital Wallet)

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะแจกกลุ่ม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13-14 ล้านคน เป็นกลุ่มแรก ในช่วงเดือนกันยายน 2567

แนวโน้มโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ณ เวลานี้เป็นอย่างไร?

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้เหมาะสมไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป รวมทั้งยังต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการเดินหน้านโยบายต่อไป

แบ่งกลุ่มแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท “กลุ่มเปราะบาง-กลุ่มคนทั่วไป”

กลุ่มแรก ได้เงินก่อน เดือน ก.ย.นี้ คือ กลุ่มเปราะบาง ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก่อน ได้รับเงินก่อน

กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไว้ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 กันยายน 2567

นับถอยหลัง แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท กลุ่มเปราะบาง เหลือโอนเงินเข้าเท่านั้น? ทำไมแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน กลุ่มเปราะบางก่อน?

การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน ไม่ได้เป็นการแจกเงินซ้ำซ้อน เนื่องจากเป็นคนละโครงการกัน และเป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นคนละแบบ ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นโครงการที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค

ย้ำอีกรอบ กันลืม กลัวประชาชนเสียสิทธิ แจ้งวันเปิด-ปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10000 บาท แก้ไขข้อมูลได้ถึงวันไหน?

เงินดิจิทัล 10,000 บาท กลุ่มคนสมาร์ตโฟนเปิดลงทะเบียน และกดรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 15 กันยายน 2567 ปิดการแก้ไขข้อมูล – ปิดรับลงทะเบียนเงินดิจิทัลวันที่ 15 กันยายน 2567

ลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟนวันไหน?

เบื้องต้นกำหนดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เปิดลงทะเบียน และยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

2

ค่ายรถดัง กลับลำ ประกาศเลิกขายรถไฟฟ้าทุกรุ่น 100%

วอลโว่ คาร์ส แบรนด์รถยนต์ชื่อดังระดับโลกจากประเทศสวีเดน แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นเจ้าของแท้จริงคือ จีลี่ (Geely) ค่ายรถยนต์สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ยกเลิกนโยบายและแผนการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทุกรุ่นภายในปี 2023 ตามที่เคยประกาศเจตนารมย์ไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ จะปรับเปลี่ยนนโยบายด้วยการผลิตรถยนต์วอลโว่ด้วยเครื่องยนต์ระบบปลั๊กอิน-ไฮบริด (Plugin-hybrid) ทดแทน

สาเหตุจากตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีชะลอตัวอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าอย่างมากในการขยายสถานี หรือจุดชาร์จไฟฟ้าของรถอีวีโดยเฉพาะในตลาดยุโรป และอเมริกาเหนือ กลุ่มสหภาพยุโรปประกาศมาตรการขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับรถอีวีนำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะมีเป้าหมายในการปิดกั้นรถอีวีผลิตจากจีน นอกจากนี้ รุ่นของรถอีวีที่สามารถตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงในด้านราคาได้ดีกว่านี้กลับมีน้อยลง

วอลโว่ คาร์ส ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงการผลิตและทำตลาดรถยนต์ภายในปี 2023 ว่า วอลโว่ คาร์ กำหนดการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี หรือรถยนต์เครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด เป็นสัดส่วน 90% – 100% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ ได้กำหนดการขายรถยนต์วอลโว่ด้วยเครื่องยนต์ประเภท Mild Hybrid หรือเครื่องยนต์ประเภทมีมอเตอร์ไฟฟ้าไว้สนับสนุนการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปเท่านั้น ซึ่งขยับเป้าเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 2030

วอลโว่ คาร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด เป็นกลยุทธ์สำคัญแท้จริงสำหรับการเติบโตในอนาคตด้วยผลกำไร ดังนั้น วอลโว่ คาร์ จะปรับเปลี่ยนรถยนต์รุ่น XC90 ซึ่งเป็นรถประเภทเอสยูสี ให้เป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด ภายในสิ้นปีนี้

ภายในปี 2025 หรือปีหน้า วอลโว่ คาร์ คาดหวังว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ได้แก่ รถอีวี และรถปลั๊กอิน-ไฮบริด จะมีสัดส่วนที่ 50% และ 60% ของยอดขายโดยรวมตามลำดับ ในขณะที่ ก่อนหน้าปี 2025 สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่อย่างน้อย 50% เป็นรถอีวี และที่เหลือเป็นรถปลั๊กอิน-ไฮบริด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ 2024 ผ่านมา ซีอีโอวอลโว่ประกาศด้วยความมั่นใจว่าตลาดรถไฟฟ้า หรือรถอีวีจะเติบโตอย่างมากในอีก 6 ปี หรือภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม วอลโว่ คาร์ ได้ขายทิ้งหุ้นเกือบ 50% ในรถอีวีแบรนด์หรูโพลสตาร์คืนกลับค่ายรถแบรนด์จีนจีลี่ สาเหตุตากมีผลขาดทุนสูง

นายจิม โรวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ วอลโว่ คาร์ส กล่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ปีนี้ว่า วอลโว่มีความมั่นใจในการเติบโตอย่างมากมายของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ซึ่งยังคงรักษาเป้าหมายยอดขายรถอีวีเป็นครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดของวอลโว่ที่ขายทั่วโลกภายในกลางทศวรรษนี้ และภายในปี 2030 จะเป็นปีที่วอลโว่ขายรถอีวีเท่านั้น ไม่มีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปต่อไป

ยอดขายเดือนมกราคมผ่านไป พบว่า วอลโว่ คาร์ส มียอดขายเป็น 53,402 คัน เพิ่มขึ้น +10% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา สาเหตุจากยอดขายรถอีวีของวอลโว่เพิ่มขึ้น +40% ในตลาดยุโรปเป็นหลักในเดือนดังกล่าว นอกจากนี้ ยอดขายเฉพาะรถอีวีเพิ่มขึ้น +17% ส่งผลคิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมดในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถอีวีของวอลโว่ในตลาดรถยนต์จีนแผ่นดินใหญ่ และสหรัฐอเมริกากลับลดลง

สาเหตุจากวอลโว่จับตลาดรถอีวีในกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมมากกว่าที่จะผลิตรถอีวีมาทำตลาดล่างทั่วไปที่การแข่งขันเป็นไปอย่างรุนแรง ดังนั้น วอลโว่มั่นใจในพลังกลยุทธ์ราคาที่เป็นกลยุทธ์สำคัญ และคาดการณ์ว่าลูกค้าจะมีรายได้มากขึ้น จึงทำให้ลูกค้าสนใจและซื้อรถอีวีของวอลโว่ ถ้าหากต้องการจะขับรถอีวี โดยเฉพาะตลาดรถอีวีในยุโรป

อย่างไรก็ตาม วอลโว่ คาร์ส ตัดสินใจขายหุ้นที่ถือไว้ทั้งหมดมีจำนวนมากถึง 48% ในบริษัทผลิตรถอีวียี่ห้อโพลสตาร์ (Polestar) คืนให้กับจีลี่ ซึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแบรนด์รถอีวีโพลสตาร์ สาเหตุจากการลงทุนของวอลโว่ คาร์ส ในรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ไม่คุ้มค่าการสร้างแบรนด์รถอีวีระดับหรูหราครั้งแรกด้วยการแตกแบรนด์ออกมาดังกล่าว นอกจากนี้ เผชิญปัญหาการผลิตและส่งมอบมาตลอดในปี 2023 ที่สำคัญ โพลสตาร์ยังไม่สามารถสร้างผลประกอบการในแง่มีกำไรได้เลย คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนสูงอีก 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืออีกกว่า 46,800 ล้านบาท เพื่อจะทำให้ธุรกิจของรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ถึงแค่จุดคุ้มทุน ราคาหุ้นของบริษัทผลิตรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ดำดิ่งถึง -87% นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2022 เป็นต้นมา

2

ด่วน! รถกู้ภัยพุ่งฝ่าสัญญาณไฟ คิดว่าทัน ก่อนชนประสานงา พังยับ มีคนเสียชีวิต

วันที่ 5 กันยายน พ.ต.ท สมจิตร สิริแหวง สว. (สอบสวน) สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนโรจนะ ขาออก บริเวณกลางสี่แยกสัญญาณไฟจราจร ทางเข้าสวนอุตสาหกรรมโรจนะประตูบี ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พุทไธสวรรย์ ไปให้การสนับสนุนที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ ผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายภานุพงศ์ เทศารินทร์ อายุ 38 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลราชธานี

กลางถนนพบรถยนต์เก๋ง สีขาวหมายเลขทะเบียน กธ-1666 พระนครศรีอยุธยา ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินหมายเลขทะเบียน 2กฆ1212 สกลนคร สภาพพังเสียหาย เป็นของผู้เสียชีวิต ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ สีเหลือง สภาพพังเสียหาย เป็นรถของผู้บาดเจ็บ หางออกไปประมาณ 20 เมตร บนเกาะกลางถนนพบรถยนต์กระบะ สีบลอนด์ หมายเลขทะเบียน บล-5807 พระนครศรีอยุธยา สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังเสียหาย

จากการสอบถามคนขับรถยนต์เก๋ง ทราบว่า จอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ เพื่อรอที่จะเลี้ยวกลับรถ โดยมีรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจอดอยู่ด้านข้าง จังหวะนั้นมีรถยนต์กระบะวิ่งมาทางตรงพุ่งมาชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เก๋งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้านนายอดิศักดิ์ วิเศษการ อายุ 32 ปี คนขับรถกระบะ เป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อ้างว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน มาตามถนนโรจนะมุ่งหน้าไปสี่แยก อ.อุทัย พอมาถึงกลางสี่แยกสัญญาณไฟ ตอนนั้นสัญญาณไฟเขียว อยู่แต่กำลังจะสลับเป็นไฟสีส้ม ตนขับหลุดออกมากลางสี่แยกแล้วครึ่งทางเป็นจังหวะเดียวกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่พุ่งออกมา ตนเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าอย่างจังจนรถไถลพลิกคว่ำ ขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนน

2

ลงทะเบียนรับ 10,000 ขึ้นขั้นตอนที่3 เตรียมพร้อม กลุ่มคนทั่วไปลบแอปฯแล้ว สมัครใหม่ได้

หลังจากที่ท่านทำการสมัครสมาชิกแอปฯ ทางรัฐตามขั้นตอนแล้ว สามารถติดตามความคืบหน้าการลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital wallet บนแอปฯ ทางรัฐของตนเองต่อได้ทันที!

โดยขั้นตอนการสมัครแอปฯ ทางรัฐ มีดังนี้

1.เปิดแอปฯ ทางรัฐ แล้วกดปุ่ม เข้าสู่ระบบ

2.กดที่ปุ่ม สมัครสมาชิก

3.กดปุ่ม สมัครด้วยบัตรประชาชน

4.อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวแล้วกด เครื่องหมายถูก ที่ ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข แล้วกดปุ่ม ยอมรับ

5.ศึกษาข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน ให้อยู่ในกรอบ แล้วกดปุ่มสีขาวเพื่อถ่ายรูป

6.กรอกข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องตามบัตรประชาชนของท่าน แล้วกดปุ่ม ยืนยันตัวตน

7.ศึกษาข้อแนะนำในการสแกนหน้า แล้วจัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบ จากนั้นระบบจะทำการประมวลผลใบหน้าของท่าน

8.ทำการกำหนด ชื่อบัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่าน ในการเข้าสู่แอปฯ

9.ตั้งค่า PIN Code ทั้งหมด 6 หลัก และยืนยัน PIN Code ดังกล่าวอีกครั้ง

10.เปิดการใช้งานการสแกนใบหน้า เพื่อความสะดวกในการเข้าใช้งาน โดยกดปุ่ม ใช้งาน

11.การยืนยันตัวตนเข้าใช้งานสำเร็จแล้ว กดที่ปุ่ม เริ่มต้นใช้งาน

12.ระบบจะพาท่านกลับเข้าไปที่หน้าแรกของแอปฯ จากนั้นให้ท่านกดปุ่ม ตรวจสอบสถานะ

13.กดที่ ยืนยันเบอร์มือถือ เพื่อระบุเบอร์โทรศัพท์ของท่าน

14.กรอกเบอร์โทรศัพท์ของท่าน แล้วกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)

15.กรอกรหัส OTP 6 หลักที่ได้รับทาง SMS แล้วกดปุ่ม ยืนยันเบอร์โทรศัพท์ทางมือถือ

16.ท่านทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว

17.ท่านสามารถเช็กสถานะการลงทะเบียนฯ Digital Wallet ของท่านโดยการกดปุ่ม ตรวจสอบสถานะ

18.หากแสดงหน้าจอขั้นตอนที่ 3 แล้ว สามารถรอติดตามความคืบหน้า การลงทะเบียน Digital Wallet ต่อได้ทันที

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความชัดเจนเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาท นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะการจัดเตรียมงบประมาณไว้แจกให้ประชาชนในกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็สามารถใช้งบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกกลุ่มเปราะบางได้ทันที ภายในเดือนกันยายนปีนี้ โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

โดยมีรายงานว่า รัฐบาลจะเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13-14 ล้านคนก่อน ในเฟสแรก ซึ่งตามเงื่อนไขของการใช้งบประมาณปี 67 เงินจะถึงมือประชาชนอย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 30 กันยายนนี้ คาดว่าจะได้รับเงินระหว่างวันที่ 16 กันยายน ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไว้ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 กันยายน 2567

2

นายเปรม เสียชีวิตกะทันหัน ขอแสดงความเสียใจ

เวลา 03.20 น. ตำรวจ สน.บางเขนได้รับแจ้ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบทาง เกาะกลางถนนและเสาตอม่อBTSมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถนนพหลโยธินขาออก เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบศพนายเปรม  (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ช่องจราจรช่องที่ 3 สภาพศพมีบาดแผลตามร่างกายกรามหักใบหน้า มีบาดแผลฉกรรจ์และศีรษะแตกเสียเลือดจำนวนมาก ตัดผมสั้น แต่งกายใส่กางเกงขายาวสีเขียวเสื้อยืดคอกลมสีดำ ใกล้กันพบหมวกกันน็อกสีเขียวแบบเต็มใบตกอยู่ ห่างไปประมาณ 2 – 3 เมตร พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย นอนหมดสติอยู่กลางถนนมีบาดแผลตามร่างกาย กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตรโดยด่วน เป็นคน ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว

ทราบชื่อ น.ส. นันทิกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แกนฟรีร้านโน่ หมายทะเบียน 4 ขษ 427 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำอยู่ด้านขวารถมีรอยขูดกับถนนได้รับความเสียหาย

จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ใต้เบาะรถพบเสื้อราชการทหารสังกัด ทอ. 1 ตัว บริเวณปกคอเสื้อมีอักษร บ.น. 6 ติดอยู่ และ มี บัตรผ่านป้ายวงกลมเข้าออก ทอ. อีก 1 แผ่น

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าตนได้ขับรถตามหลังมาแล้วมองเห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับ อยู่ช่องจราจรที่ 2 จู่ๆ รถก็ได้เหวี่ยงมาเลนขวาสุดพุ่งชนกับเกาะกลางถนน และเสาตอม่อ BTS  ตนจึงได้จอดรถยังคนเจ็บไว้แล้วโทรแจ้งตำรวจกับกู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ส่วนล่างผู้เสียชีวิตกู้ภัย นำส่งพิสูจน์สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯ และติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร รายงาน

2

กรมอุตุฯ ประกาศเตือนแล้ว พายุไต้ฝุ่นยางิ ไทยเตรียมรับมือมรสุมถล่ม

วันที่ 4 ก.ย. 67 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 (164/2567) เรื่อง พายุ “ยางิ” เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (4 ก.ย. 67) พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 17.00 น.

2

ดราม่า อาหาร 400 ชุด ช่วยน้ำท่วม ผู้นำไม่รับแถมไล่ให้เอาไปแจกที่อื่น

วันที่ 4 ก.ย 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพะเยาส่งผลทำให้ น้ำท่วมหลายพื้นที่โดยเฉพาะน้ำในกว๊านพะเยามีปริมาณล้นเกินกักเก็บจนเอ่อท่วมรอบๆๆกว๊านพะเยาและชุมชนท้ายน้ำ จนต้องมีการระบายน้ำออกทางประตูระบายน้ำสถานีประมง ให้น้ำไหลลงสู่ลำน้ำอิง ทำให้ชุมชนในพื้นที่บ้านฝั่งหมิ่น หมู่ 4 ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ และบ้านแม่ต๋ำเมืองชุม ตำบลแม่ต่ำอำเภอเมือง ได้รับผลกระทบน้ำไหลเข้าท่วม บ้านเรือน ถนน วัด จนมีบรรดาผู้ใจบุญและผู้นำ ร่วมกันนำสิ่งของ อาหารกล่อง น้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

แต่เกิดเหตุดราม่า ที่มีผู้ใจบุญนำเอาหารปรุงสุก และน้ำ ไปแจกชาวบ้านฝั่งหมิ่น ต.ดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่ถูกน้ำท่วมขัง  เมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อช่วยชาวบ้าน หลังจากที่ขับรถอ้อม กว่า 2 กิโลเมตร เพื่อนำไปถึงที่จุดบริการ ของหมู่บ้าน ได้รับคำตอบ จากผู้นำในพื้นที่ว่าก่อนมาประสานใครหรือยัง ถ้าจะมาต้องประสาน ถ้าไม่ประสานจะมาเอาหน้าเอาตาทำไม จะขนมาทำไม ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใจบุญที่จะมาช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมจึงต้องขนเอา อาหารปรุงสุกและน้ำอ้อมมากองไว้ที่วัดเมืองชุม ต.แม่ต๋ำ แทนเพื่อให้ชาวบ้านลุยน้ำที่มีระดับลึกและระยะทางไกลมารับเอาอาหารและน้ำที่ผู้ใจบุญนำมามอบให้เอง

นาย ภานุ บุญธรรม ผู้ใจบุญที่นำน้ำและอาหารปรุงสุกไปช่วยเหลือชาวบ้านน้ำท่วม เล่าว่า จากเมื่อวานที่ได้ นำเข้ากล่องและน้ำจำนวน 400 ชุด เดินทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อจะไปช่วยชาวบ้าน บ้านฝั่งหมิ่น ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ที่ถูกนำท่วม หลังจากเข้าไปถึงหมู่บ้านทางชาวบ้านให้ไปประสานผู้นำที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ หลังจากได้ประสานผู้นำได้คำตอบว่าวันนี้มีกับข้าวแล้วเอาไปแจกที่อื่นเถอะ ขนมาทำไม ถ้าอยากได้หน้าได้ตาทำไมไม่แจกเอง  ถ้าจะมาแจกต้องประสานก่อน ทางชุมชนจะไม่ได้สั่งข้าวจากที่อื่น ซึ่งตนเองตั้งใจที่ นำข้าวและน้ำมาแจกในชุมชนฝั่งหมิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำกว๊านพะเยาเข้าท่วมสูง และชาวบ้านได้รับผลกระทบหลายหลังคาเรือน ด้วยความมีน้ำใจ ที่นำไปช่วยชาวบ้าน แต่ได้รับคำตอบแบบนี้  หลังจากที่คุยกับผู้นำแล้วได้รับคำตอบแบบนี้ ตนเองจึงเอาน้ำและอาหารปรุงสุก นำไปไว้ที่ วัดเมืองชุม และชาวบ้านต้องเดินกว่า 2 กิโลเมตรเพื่อจะมารับ จึงสร้างความลำบากให้ชาวบ้านและตนเองรู้สึกว่าเสียใจมากทีได้นำน้ำใจเพื่อช่วยชาวบ้าน แต่ได้รับคำตอบจากผู้นำแบบนี้อยากฝากถามผู้นำว่า ท่านจะให้คำตอบยังไงกับผู้ที่มาช่วย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้

นายณรงค์ นามวงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอกคำใต้  กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ได้มีผู้ใจบุญนำข้าวมันไก่ จำนวน 400 กล่องและน้ำเพื่อจะมาช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบ้าน ฝั่งหมิ่น ในช่วง ตอนเย็น แต่ปรากฏว่าสื่อสารกันไม่เข้าใจ เพราะเนื่องจาก ทางเทศบาล ได้นำอาหารแจกให้กับ ชาวบ้านแล้ว เพราะเกรงจะซ้ำซ้อน กลัว ของจะเสียและบูดเน่า จึง แจ้งให้ทางผู้ใจบุญ ได้นำ ไปแจก บริเวณหัวบ้าน หรือบ้านแม่ต๋ำเมืองชุม ที่ยัง ไม่ได้รับ ข้าวกล่อง แต่ปรากฏว่ามีการไปโพสต์ เพจ Facebook ว่า ทางผู้นำ ได้ไล่ ไม่รับข้าวกล่อง จึงเป็นประเด็นขึ้นมาดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลตำบลดอกคำใต้ และผู้นำในชุมชน ได้ดูแลชาวบ้าน มากกว่า 2 อาทิตย์ ช่วงน้ำท่วม และดูแลได้ทั่วถึงทุกครัวเรือนไม่ได้ปฏิเสธผู้ที่จะนำของมามอบและบริจาค แต่อย่างใดซึ่งเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดกัน และในวันนี้ จึงได้ประสานให้ทางผู้ใจบุญที่นำเข้ามันไก่มาแจกให้มาในวันนี้อีกครั้งแล้ว

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดพะเยา รายงาน

2

ด่วน! แจกเงิน 10,000 อัพเดทล่าสุดมีการปรับเปลี่ยน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ย.67 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงภาพประชุม สส.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวันละ 2 และวาระ 3 วันแรกว่า เป็นไปอย่างราบรื่น เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงเช้ามีการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ก็คาดว่าจะเดินหน้าได้ 13 ถึง 14 มาตรา และจบในเวลา 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ ส่วนการลงมติก็ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี ขณะที่การอภิปรายในสภา เป็นการหยิบยกเอาประเด็นข้อสงสัยข้อห่วงใยและมีการถามตอบชี้แจงได้ครบถ้วนในแต่ละประเด็น ซึ่งภาพรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อถามว่าเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถชี้แจงให้ความมั่นใจแก่ฝ่ายค้านได้มากน้อยแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัล 10,000 บาท แต่แน่นอนว่ารูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแถลงนโยบาย แม้ว่าตนเองจะพอรับทราบโครงสร้างใหม่มาแล้วบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนต้องรอให้กระบวนการครบถ้วนก่อน ซึ่งคาดว่าประมาณ 10 วันน่าจะรู้เรื่อง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า

ช่วงราววันที่ 15-17 ก.ย. คาดจะมีการแถลงนโยบาย ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบเวลา จะทราบว่าโครงสร้างของโครงการ ปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามเงินที่ได้เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบกลางปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้าน และงบ 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน เมื่อถามอีกว่าเรื่องการจ่ายเงินสดเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากกลัวว่าการจ่ายเงินสดจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่กระจายลงฐานรากอย่างแท้จริง นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า มีหลายมุมมอง เพราะลักษณะการดำเนินนโยบายสาธารณะมีมุมมองที่แตกต่าง และในวันที่เราจะทำในรูปแบบดิจิทัล 100% ก็มีข้อท้วงติงบอกว่าให้ไปดูกลุ่มเปราะบาง และทางวุฒิสภา (สว.) ก็เห็นร้องห่มร้องไห้ ให้แจกเป็นเงินสด

ซึ่งต้องยอมรับว่าได้ยินมาจริงๆ จากตัวแทนของประชาชน ซึ่งทางเราก็รับฟัง และตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร ก็เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน และทุกฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้านและภาคราชการ

ซึ่งเมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็รับฟัง เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าควรเป็นแบบไหนเพื่อให้การใช้จ่ายง่ายขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบ อยากให้รอฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนประเด็นแรก กลไกการเดินหน้ารัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง เมื่อมีการลองเข้ามาแล้วก็มีการสะดุดติดขัดไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง

ซึ่งเมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาและคาอยู่เป็นปี ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การลงทุน การเดินหน้าชีวิตให้สะดุดติดขัดขัดไป วันนี้มองว่า อะไรที่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง ตนมองว่ารัฐบาลแพองธาร ต้องปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สอง มีข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากหน่วยงานของรัฐ

และจากประชาชนฝ่ายค้านในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางจุด เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว กระตุ้นเศรษฐกิจในการเป็นเม็ดเงินให้กับประชาชน ซึ่งเราก็รับฟังมา และยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสดมีความเป็นไปได้ในบางส่วน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้มีการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็ได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยแล้วจะต้องนำทั้งหมดมารวมกัน คลุกรวมกัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับกันได้

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงไปทะเบียนไปแล้วจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังเดินหน้าต่อ ตนไม่ได้หมายความว่าไม่มีโครงการที่เป็นในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องมาดูรายละเอียดกัน แต่เรื่องการทำโครงการเงินดิทัลวอลเล็ต ยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่ทราบกันมาตลอดคือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่อัดละเลยได้ ยังอยู่ในวัตถุประสงค์อยู่ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับที่น่าพึงพอใจในระดับที่ยอมรับได้ เรื่องนั้นต่างหากที่เป็นคำตอบ เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งต่อพายุหมุนที่ตั้งไว้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอนครับ การปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม ก็มีทั้งในแง่บวกและแง่ลบในตัวของมันเอง เราต้องหาจุดสมดุลที่มีความเหมาะสมที่สุดเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และบรรลุวัตถุประสงค์ ทำอย่างไรให้ได้ทุกอย่างในระดับที่ยอมรับได้

2

ประกาศเพิ่มเงินอุดหนุนบุตร

ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร อายุ 0-6 ปี ของผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 จากเดิม 800 บาทต่อเดือน เป็น 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะเริ่มประกาศใช้ภายในเดือน ม.ค. 68

สำหรับสิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนบุตรอายุ 0-6 ปี ของประกันสังคม เป็นสิทธิที่ให้ประโสชน์แก่เด็กราว 1.2 ล้านคน ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นเงินอุดหนุนบุตรเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ล่าสุดเมื่อปี 2564 อยู่ที่เดือนละ 800 บาท โดยการปรับขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 บาท ในครั้งนี้จะใช้งบประมาณเพิ่มเพียงปีละ 3,225 ล้านบาท

นอกจากนี้ การศึกษาของอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า งบประมาณจะใช้เพิ่มขึ้นเป็น 83% ของส่วนเงินเด็ก แต่เนื่องด้วยการลดลงของอัตราการเกิดในปี 2572 งบประมาณจะลดลงเหลือเพียง 74% ซึ่งการเพิ่มเงินส่วนนี้จะสอดคล้องกับค่าครองชีพมากขึ้น ทำให้ผู้ประกันตนตั้งครรภ์ และมีบุตรได้รับผลประโยชน์ ตั้งแต่ฝากครรภ์ คลอดบุตร ลาคลอด และเงินเด็กถึงรายละ 100,000 บาท ตลอด 6 ปี 9 เดือน

หลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบแล้ว โดยขั้นตอนสำนักงานประกันสังคม จะนำมตินี้พร้อมกับร่างแก้ไขประกาศเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเห็นชอบ และประกาศลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ในที่ประชุมบอร์ด ยังมีข้อเสนอของคณะอนุกรรมการที่เห็นชอบคือเรื่องการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 0-6 ขวบเป็น 0-12 ปีซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ทางสำนักงานประกันสังคม ขอให้เชื่อมโยงกับการปรับขยายเพดานการเก็บเงินสมทบจาก 15,000 บาทเป็น 17,500 บาทซึ่งคาดว่าจะปรับในปี 2569 ซึ่งถือว่าเป็นการหาทางออกร่วมกัน

2

Popular Posts

My Favorites

หนุ่มนำไข่ไก่ดิบ 6,030 ฟองประทัด 2,000 นัดมาแก้บนหลวงพ่อสมหวัง หลังมาขอสอบได้อัยการผู้ช่วยประจำปี 2567

0
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567ที่อำเภอนครชัยศรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณ คุณะชนม์ พัฒยานันท์ (นพ) อายุ 41 ปีได้มาแก้บนนำไข่ดิบ 6,030 ฟอง ที่สอบได้ อัยการผู้ช่วยประจำปี2567มาขอเมื่อ 28 กรกฎาคม 2567ซึ่งก่อนสอบคุณนพ รับราชการตำแหน่งนิติกรประจำสำนักงานอัยการจังหวัดตราดในวันนี้เป็นวันหยุดติดต่อกัน3 วันจึงได้นำไข่ไก่ดิบมาแก้บนหลวงพ่อสมหวังวัดกลางบางพระ ที่วัดกลางบางพระซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกัน3วันได้มีประชาชนทั่วสารทิศเข้ามากราบไหว้ขอพรจากรูปปั้นองค์ใหญ่หลวงพ่อสมหวัง จำนวนมากในวันนี้ได้มีหนุ่มใหญ่วัย 41 ปีเข้ามาติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดกลางบางพระว่าจะนำไข่ไก่ดิบมาแก้บนหลวงพ่อสมหวัง...