ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 4
Featured posts

อายุครบ 55 ปี รับเงินรายเดือนตลอดชีวิต

สำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนในกองทุนประสังคม เมื่อถึงยามเกษียณก็จะได้รับ เงินชราภาพ ซึ่งก็คือเงินที่สะสมจากการทำงาน หรือเงินที่ถูกหักสะสมค่าประกันสังคมในทุกๆ เดือน จำนวน 5% ของเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท) ตั้งแต่ 250-750 บาท

โดยมีเงื่อนไขการเกิดสิทธิ เมื่อผู้ประกันตนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และได้ลาออกจากงาน สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนหรือเสียชีวิต ส่วนจะได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญกรณีชราภาพนั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตน

โดยในส่วนของ “เงินบำเหน็จชราภาพ” คือ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินก้อน ส่วน “เงินบำนาญชราภาพ” คือ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับรายเดือนไปตลอดชีวิต

กรณีเงินบำนาญชราภาพ

ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับบำนาญชราภาพในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน

ผู้ประกันตนที่รับบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับจากเดือนที่มีสิทธิได้รับบำนาญให้จ่ายบำเหน็จแก่ทายาท เป็นจำนวนเท่ากับเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับเดือนสุดท้ายก่อนถึงแก่ความตายคูณด้วยจำนวนเดือนที่เหลือหลังจากผู้รับบำนาญถึงแก่ความตายจนครบ 60 เดือน

ตัวอย่างการคำนวณ หากผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถขอรับเงินบำนาญชราภาพได้ โดยมีวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ เป็น 2 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้อัตราเงินบำนาญ 20%

ส่วนที่ 2 และในปีที่ 16 – ปีที่ 20 (5 ปี) จะได้รับอัตราเงินบำนาญ เพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อปี

รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี จะได้ 20% + 7.5% = 27.5%

ดังนั้น ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน = 27.5% ของ 15,000 บาท คือ 4,125 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต

กรณีบำเหน็จชราภาพ (จ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว)

ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่จ่ายในกรณีชราภาพ เฉพาะส่วนของผู้ประกันตนเพียงฝ่ายเดียว

ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทนตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหน

นอกจากนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ที่มีบุตรยังมีสิทธิได้รับ “เงินสงเคราะห์บุตร” ช่วยเหลือค่าครองชีพโดยจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรจำนวน 800 บาทต่อเดือน ซึ่งจะโอนเงินเข้าบัญชี ผ่านระบบพร้อมเพย์ทุกๆ สิ้นเดือน แต่หากตรงกับวันหยุด หรือ วันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะทำการโอนให้ล่วงหน้าก่อนไม่เกินเที่ยงคืน

สำหรับรายละเอียดของการรับเงินสงเคราะห์บุตรมีดังนี้

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ

ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39

จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน

ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น

อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

2

ถึงกับเป็นลม! บุกจับ เจ้าพนักงานที่ดิน พร้อมของกลาง

วันที่ 6 ก.ย. 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาน แก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. จับกุม นางเบ็ญจา อายุ 60 ปี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยองสาขาบ้านค่าย ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 ที่ 18/67 ลงวันที่ 5 ก.ย.67

ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ” ได้ที่ห้องทำงานภายในสำนักงานที่ดิน จ.ระยอง สาขาบ้านค่าย

ทั้งนี้เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าร้องทุกข์ตำรวจ บก.ปปป. ว่าถูก นางเบ็ญจา ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาบ้านค่าย เรียกเก็บเงินค่าอำนวยความสะดวกในการทำรังวัด และ ทำใบขออนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 54 ไร่ โดยคิดราคาแปลงละ 2,000 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท ทั้งที่ผู้เสียหายได้มีการชําระค่าคําขออนุญาตจัดสรรที่ดิน กับกรมที่ดินตามขั้นตอนไปแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะทำการเจรจาข้อตกลง ก่อนขอศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งจับกุมได้ดังกล่าว

ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าพนักงานคนดังกล่าวถึงกับเป็นลม เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงต้องช่วยพยาบาลเบื้องต้นโบกพัดให้ตลอดเวลา โดย นางเบ็ญจา ให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2

เกมแล้ว “โมริ งิ้วงาม” บัญชีม้าตัวสุดท้าย ขบวนการหลอกถ่ายหวิว

ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้เสียหาย ตลอดจนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการซึ่งถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่เมื่อช่องต้นเดือนมีนาคม 2567 หญิงผู้เสียหายถูกขบวนการเหล่านี้แอปอ้างแพลตฟอร์มชื่อดัง หลอกให้โอนเงินทำภารกิจหวังจะได้กำไรสูง แต่เมื่อโอนเงินไป กลับถอนไม่ได้ สู่การจับกุม โมริ งิ้วงาม บัญชีม้าตัวสุดท้ายของขบวนการ

เกมแล้ว โมริ งิ้วงาม บัญชีม้าตัวสุดท้าย ขบวนการหลอกถ่ายหวิว

มิจฉาชีพออกอุบายให้ถ่ายคลิปเปลือยกาย แลกกับการถอนเงินที่ถูกหลอกโอนไปกว่า 2,800,000 ล้านบาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2  จนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ จำนวน 5 ราย ซึ่งขณะนั้น สืบนครบาล โดยกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. หลังจากได้รับการประสานและสั่งการจากผู้บังคับการสืบนครบาล ได้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว จำนวน 4 ราย ยังคงเหลือผู้ต้องหาบัญชีม้าซึ่งยังหลบหนีอีก 1 ราย

เกมแล้ว โมริ งิ้วงาม บัญชีม้าตัวสุดท้าย ขบวนการหลอกถ่ายหวิว

ต่อมาจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. เร่งรัดให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี ,พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ซึ่งได้รับมอบหมายรีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับแล้วดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาวันที่ 5 กันยายน 2567 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.พรวีนัส ปั้นจาด หรือโมริ งิ้วงาม อายุ 20 ปี ที่อยู่ ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.458/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยห้องเช่าไม่ทราบชื่อ ริมถนนพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์

เกมแล้ว โมริ งิ้วงาม บัญชีม้าตัวสุดท้าย ขบวนการหลอกถ่ายหวิว

ในชั้นจับกุม น.ส.พรวีนัส หรือ “โมริ งิ้วงาม” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การตนเรียนจบขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานดูแลลูกค้าร้านอาหารกลางคืน และงาน Part time ต่างๆ เกี่ยวกับหมายจับที่ตนถูกจับกุม น่าจะเกิดจาก เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคม 2567 ได้มีแฟนของรุ่นพี่ที่รู้จักกันเป็นผู้หญิง ชื่อ “เปิ้ล” เดินทางมาหาตนที่ห้องพักหลังตลาดเทศบาล 5 โดยมาสอบถามแนะนำให้ตนไปทำงานชงเหล้า และงาน Part-time ต่างๆ ซึ่งตนสนใจเนื่องจากขณะนั้นไม่มีงานทำ

ต่อมาหลังจากที่พูดคุยกันจนเริ่มสนิทพี่เปิ้ล ได้บอกให้ตนออกไปพูดคุยตามลำพังส่วนตัวบริเวณนอกห้องพัก โดยพี่เปิ้ล ได้เสนอให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้โดยบอกว่าจะนำบัญชีธนาคารไปใช้รองรับเงินที่ได้จากการติดต่อกับลูกค้าโดยไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจอะไร ตนจึงยินยอมไปเปิดบัญชีธนาคารให้ จำนวน 7 บัญชีธนาคาร ประกอบด้วย

เกมแล้ว โมริ งิ้วงาม บัญชีม้าตัวสุดท้าย ขบวนการหลอกถ่ายหวิว

(1) บัญชีธนาคารกสิกรไทย จำเลขที่บัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส (2) บัญชีธนาคารกรุงไทย จำเลขบัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

(3) บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำเลขที่บัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

(4) บัญชีธนาคารออมสิน จำเลขที่บัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

(5) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำเลขที่บัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

(6) บัญชีทหารไทยธนชาต จำเลขบัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

(7) บัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำเลขบัญชีธนาคารไม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.พรวีนัส

โดยในการเดินทางไปเปิดบัญชี พี่เปิ้ล เป็นผู้พาตนเดินทางไปเปิดบัญชีธนาคารด้วยตนเองทุกธนาคาร เมื่อตนเปิดบัญชีธนาคารเสร็จเรียบร้อยทุกบัญชีธนาคาร พี่เปิ้ล ได้นำสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคารที่เปิดให้ไป พร้อมทั้งให้ตนนำเบอร์โทรศัพท์ ที่พี่เปิ้ล เปิดไว้แล้ว ซึ่งได้ส่งให้ตนทราบผ่าน เฟสบุ๊คเมสเซนเจอร์ นำไปผูกกับบัญชีธนาคารทุกธนาคารเพื่อเปิดใช้งานธุรกรรมบัญชีออนไลน์ ตลอดจนให้ตนสแกนใบหน้าเพื่อเปิดใช้งาน เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อย พี่เปิ้ล ได้ให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทุกขั้นตอน จำนวน 10,000 บาท  หลังจากนั้น พี่เปิ้ล ให้รู้จักกับเจ้านายของพี่เปิ้ลซึ่งเป็นคนที่สั่งให้พี่เปิ้ล หาคนเปิดบัญชีธนาคารให้ ชื่อ“ นายสอง ” โดย “ นายสอง ” ได้แนะนำให้ตนไปหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารให้เพิ่ม (แต่ตนไม่ได้หา) และได้ชักชวนตนและแฟนเดินทางไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยบอกว่าจะพาไปทำงานออฟฟิส คอยตอบสนทนาลูกค้าผ่านเพจเฟสบุ๊ค หากตนสนใจไปทำงานจะออกค้าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบตกลง หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้พบกับพี่เปิ้ล และนายสองอีก จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้

จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พบว่าปัจจุบันผู้ต้องหายังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.192/2567 ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนฯ ” ท้องที่ สภ.เมืองลำปาง อีก 1 หมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ดำเนินการประสาน พงส.ผู้รับผิดชอบ ทราบ เพื่อดำเนินการอายัดตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายในคราวเดียวกัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว น.ส.พรวีนัส ปั้นจาด หรือ “โมริ งิ้วงาม” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำภารกิจต่างๆ โดยจะให้โอนเงินค่าดำเนินการ หรือลงทะเบียน สุดท้ายจะบอกว่าเราทำผิดกฎ ไม่สามารถถอนได้ ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อปลดล็อค แต่สุดท้ายก็จะอ้างว่าเราทำผิดกฎอีก จนเงินที่โอนไปมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่คิดจะเปิดบัญชีธนาคาร หรือขายบัญชีธนาคารให้ผู้อื่น โดยได้ค่าจ้างตอบแทน ขอให้ท่านอย่าได้เห็นแก่เงินเพี่ยงไม่กี่บาท แต่ต้องแลกกับการคิดคุก เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566

2

ด่วน! รถกู้ภัยพุ่งฝ่าสัญญาณไฟ คิดว่าทัน ก่อนชนประสานงา พังยับ มีคนเสียชีวิต

วันที่ 5 กันยายน พ.ต.ท สมจิตร สิริแหวง สว. (สอบสวน) สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนโรจนะ ขาออก บริเวณกลางสี่แยกสัญญาณไฟจราจร ทางเข้าสวนอุตสาหกรรมโรจนะประตูบี ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พุทไธสวรรย์ ไปให้การสนับสนุนที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ ผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายภานุพงศ์ เทศารินทร์ อายุ 38 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลราชธานี

กลางถนนพบรถยนต์เก๋ง สีขาวหมายเลขทะเบียน กธ-1666 พระนครศรีอยุธยา ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินหมายเลขทะเบียน 2กฆ1212 สกลนคร สภาพพังเสียหาย เป็นของผู้เสียชีวิต ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ สีเหลือง สภาพพังเสียหาย เป็นรถของผู้บาดเจ็บ หางออกไปประมาณ 20 เมตร บนเกาะกลางถนนพบรถยนต์กระบะ สีบลอนด์ หมายเลขทะเบียน บล-5807 พระนครศรีอยุธยา สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังเสียหาย

จากการสอบถามคนขับรถยนต์เก๋ง ทราบว่า จอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ เพื่อรอที่จะเลี้ยวกลับรถ โดยมีรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจอดอยู่ด้านข้าง จังหวะนั้นมีรถยนต์กระบะวิ่งมาทางตรงพุ่งมาชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เก๋งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้านนายอดิศักดิ์ วิเศษการ อายุ 32 ปี คนขับรถกระบะ เป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อ้างว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน มาตามถนนโรจนะมุ่งหน้าไปสี่แยก อ.อุทัย พอมาถึงกลางสี่แยกสัญญาณไฟ ตอนนั้นสัญญาณไฟเขียว อยู่แต่กำลังจะสลับเป็นไฟสีส้ม ตนขับหลุดออกมากลางสี่แยกแล้วครึ่งทางเป็นจังหวะเดียวกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่พุ่งออกมา ตนเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าอย่างจังจนรถไถลพลิกคว่ำ ขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนน

2

นับถอยหลัง แจกเงินดิจิทัล10000บ. กลุ่มนี้เหลือโอนเงินเข้าเท่านั้น

อัปเดตความเคลื่อนไหว การกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย เงินดิจิตอลวอลเล็ต ล่าสุด ใกล้ความจริง หลังประชาชนคนไทย รอมานาน นับถอยหลัง เดือนกันยายน 2567 รัฐบาลบอก แจกจริง แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท กลุ่มเปราะบาง เหลือโอนเงินเข้าบัญชีเท่านั้น? บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ย้ำไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แอปทางรัฐ โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (Digital Wallet)

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะแจกกลุ่ม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13-14 ล้านคน เป็นกลุ่มแรก ในช่วงเดือนกันยายน 2567

แนวโน้มโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ณ เวลานี้เป็นอย่างไร?

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้เหมาะสมไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป รวมทั้งยังต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการเดินหน้านโยบายต่อไป

แบ่งกลุ่มแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท “กลุ่มเปราะบาง-กลุ่มคนทั่วไป”

กลุ่มแรก ได้เงินก่อน เดือน ก.ย.นี้ คือ กลุ่มเปราะบาง ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก่อน ได้รับเงินก่อน

กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไว้ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 กันยายน 2567

นับถอยหลัง แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท กลุ่มเปราะบาง เหลือโอนเงินเข้าเท่านั้น? ทำไมแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน กลุ่มเปราะบางก่อน?

การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน ไม่ได้เป็นการแจกเงินซ้ำซ้อน เนื่องจากเป็นคนละโครงการกัน และเป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นคนละแบบ ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นโครงการที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค

ย้ำอีกรอบ กันลืม กลัวประชาชนเสียสิทธิ แจ้งวันเปิด-ปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10000 บาท แก้ไขข้อมูลได้ถึงวันไหน?

เงินดิจิทัล 10,000 บาท กลุ่มคนสมาร์ตโฟนเปิดลงทะเบียน และกดรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 15 กันยายน 2567 ปิดการแก้ไขข้อมูล – ปิดรับลงทะเบียนเงินดิจิทัลวันที่ 15 กันยายน 2567

ลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟนวันไหน?

เบื้องต้นกำหนดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เปิดลงทะเบียน และยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

2

ค่ายรถดัง กลับลำ ประกาศเลิกขายรถไฟฟ้าทุกรุ่น 100%

วอลโว่ คาร์ส แบรนด์รถยนต์ชื่อดังระดับโลกจากประเทศสวีเดน แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นเจ้าของแท้จริงคือ จีลี่ (Geely) ค่ายรถยนต์สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ยกเลิกนโยบายและแผนการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทุกรุ่นภายในปี 2023 ตามที่เคยประกาศเจตนารมย์ไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ จะปรับเปลี่ยนนโยบายด้วยการผลิตรถยนต์วอลโว่ด้วยเครื่องยนต์ระบบปลั๊กอิน-ไฮบริด (Plugin-hybrid) ทดแทน

สาเหตุจากตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีชะลอตัวอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าอย่างมากในการขยายสถานี หรือจุดชาร์จไฟฟ้าของรถอีวีโดยเฉพาะในตลาดยุโรป และอเมริกาเหนือ กลุ่มสหภาพยุโรปประกาศมาตรการขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับรถอีวีนำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะมีเป้าหมายในการปิดกั้นรถอีวีผลิตจากจีน นอกจากนี้ รุ่นของรถอีวีที่สามารถตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงในด้านราคาได้ดีกว่านี้กลับมีน้อยลง

วอลโว่ คาร์ส ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงการผลิตและทำตลาดรถยนต์ภายในปี 2023 ว่า วอลโว่ คาร์ กำหนดการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี หรือรถยนต์เครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด เป็นสัดส่วน 90% – 100% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ ได้กำหนดการขายรถยนต์วอลโว่ด้วยเครื่องยนต์ประเภท Mild Hybrid หรือเครื่องยนต์ประเภทมีมอเตอร์ไฟฟ้าไว้สนับสนุนการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปเท่านั้น ซึ่งขยับเป้าเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 2030

วอลโว่ คาร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด เป็นกลยุทธ์สำคัญแท้จริงสำหรับการเติบโตในอนาคตด้วยผลกำไร ดังนั้น วอลโว่ คาร์ จะปรับเปลี่ยนรถยนต์รุ่น XC90 ซึ่งเป็นรถประเภทเอสยูสี ให้เป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด ภายในสิ้นปีนี้

ภายในปี 2025 หรือปีหน้า วอลโว่ คาร์ คาดหวังว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ได้แก่ รถอีวี และรถปลั๊กอิน-ไฮบริด จะมีสัดส่วนที่ 50% และ 60% ของยอดขายโดยรวมตามลำดับ ในขณะที่ ก่อนหน้าปี 2025 สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่อย่างน้อย 50% เป็นรถอีวี และที่เหลือเป็นรถปลั๊กอิน-ไฮบริด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ 2024 ผ่านมา ซีอีโอวอลโว่ประกาศด้วยความมั่นใจว่าตลาดรถไฟฟ้า หรือรถอีวีจะเติบโตอย่างมากในอีก 6 ปี หรือภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม วอลโว่ คาร์ ได้ขายทิ้งหุ้นเกือบ 50% ในรถอีวีแบรนด์หรูโพลสตาร์คืนกลับค่ายรถแบรนด์จีนจีลี่ สาเหตุตากมีผลขาดทุนสูง

นายจิม โรวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ วอลโว่ คาร์ส กล่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ปีนี้ว่า วอลโว่มีความมั่นใจในการเติบโตอย่างมากมายของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ซึ่งยังคงรักษาเป้าหมายยอดขายรถอีวีเป็นครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดของวอลโว่ที่ขายทั่วโลกภายในกลางทศวรรษนี้ และภายในปี 2030 จะเป็นปีที่วอลโว่ขายรถอีวีเท่านั้น ไม่มีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปต่อไป

ยอดขายเดือนมกราคมผ่านไป พบว่า วอลโว่ คาร์ส มียอดขายเป็น 53,402 คัน เพิ่มขึ้น +10% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา สาเหตุจากยอดขายรถอีวีของวอลโว่เพิ่มขึ้น +40% ในตลาดยุโรปเป็นหลักในเดือนดังกล่าว นอกจากนี้ ยอดขายเฉพาะรถอีวีเพิ่มขึ้น +17% ส่งผลคิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมดในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถอีวีของวอลโว่ในตลาดรถยนต์จีนแผ่นดินใหญ่ และสหรัฐอเมริกากลับลดลง

สาเหตุจากวอลโว่จับตลาดรถอีวีในกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมมากกว่าที่จะผลิตรถอีวีมาทำตลาดล่างทั่วไปที่การแข่งขันเป็นไปอย่างรุนแรง ดังนั้น วอลโว่มั่นใจในพลังกลยุทธ์ราคาที่เป็นกลยุทธ์สำคัญ และคาดการณ์ว่าลูกค้าจะมีรายได้มากขึ้น จึงทำให้ลูกค้าสนใจและซื้อรถอีวีของวอลโว่ ถ้าหากต้องการจะขับรถอีวี โดยเฉพาะตลาดรถอีวีในยุโรป

อย่างไรก็ตาม วอลโว่ คาร์ส ตัดสินใจขายหุ้นที่ถือไว้ทั้งหมดมีจำนวนมากถึง 48% ในบริษัทผลิตรถอีวียี่ห้อโพลสตาร์ (Polestar) คืนให้กับจีลี่ ซึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแบรนด์รถอีวีโพลสตาร์ สาเหตุจากการลงทุนของวอลโว่ คาร์ส ในรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ไม่คุ้มค่าการสร้างแบรนด์รถอีวีระดับหรูหราครั้งแรกด้วยการแตกแบรนด์ออกมาดังกล่าว นอกจากนี้ เผชิญปัญหาการผลิตและส่งมอบมาตลอดในปี 2023 ที่สำคัญ โพลสตาร์ยังไม่สามารถสร้างผลประกอบการในแง่มีกำไรได้เลย คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนสูงอีก 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืออีกกว่า 46,800 ล้านบาท เพื่อจะทำให้ธุรกิจของรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ถึงแค่จุดคุ้มทุน ราคาหุ้นของบริษัทผลิตรถอีวีแบรนด์โพลสตาร์ดำดิ่งถึง -87% นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2022 เป็นต้นมา

2

ด่วน! รถกู้ภัยพุ่งฝ่าสัญญาณไฟ คิดว่าทัน ก่อนชนประสานงา พังยับ มีคนเสียชีวิต

วันที่ 5 กันยายน พ.ต.ท สมจิตร สิริแหวง สว. (สอบสวน) สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนโรจนะ ขาออก บริเวณกลางสี่แยกสัญญาณไฟจราจร ทางเข้าสวนอุตสาหกรรมโรจนะประตูบี ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พุทไธสวรรย์ ไปให้การสนับสนุนที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ ผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายภานุพงศ์ เทศารินทร์ อายุ 38 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลราชธานี

กลางถนนพบรถยนต์เก๋ง สีขาวหมายเลขทะเบียน กธ-1666 พระนครศรีอยุธยา ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินหมายเลขทะเบียน 2กฆ1212 สกลนคร สภาพพังเสียหาย เป็นของผู้เสียชีวิต ใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ สีเหลือง สภาพพังเสียหาย เป็นรถของผู้บาดเจ็บ หางออกไปประมาณ 20 เมตร บนเกาะกลางถนนพบรถยนต์กระบะ สีบลอนด์ หมายเลขทะเบียน บล-5807 พระนครศรีอยุธยา สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังเสียหาย

จากการสอบถามคนขับรถยนต์เก๋ง ทราบว่า จอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ เพื่อรอที่จะเลี้ยวกลับรถ โดยมีรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจอดอยู่ด้านข้าง จังหวะนั้นมีรถยนต์กระบะวิ่งมาทางตรงพุ่งมาชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เก๋งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้านนายอดิศักดิ์ วิเศษการ อายุ 32 ปี คนขับรถกระบะ เป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อ้างว่า ตนขับรถกำลังจะกลับบ้าน มาตามถนนโรจนะมุ่งหน้าไปสี่แยก อ.อุทัย พอมาถึงกลางสี่แยกสัญญาณไฟ ตอนนั้นสัญญาณไฟเขียว อยู่แต่กำลังจะสลับเป็นไฟสีส้ม ตนขับหลุดออกมากลางสี่แยกแล้วครึ่งทางเป็นจังหวะเดียวกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่พุ่งออกมา ตนเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าอย่างจังจนรถไถลพลิกคว่ำ ขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนน

2

ลงทะเบียนรับ 10,000 ขึ้นขั้นตอนที่3 เตรียมพร้อม กลุ่มคนทั่วไปลบแอปฯแล้ว สมัครใหม่ได้

หลังจากที่ท่านทำการสมัครสมาชิกแอปฯ ทางรัฐตามขั้นตอนแล้ว สามารถติดตามความคืบหน้าการลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital wallet บนแอปฯ ทางรัฐของตนเองต่อได้ทันที!

โดยขั้นตอนการสมัครแอปฯ ทางรัฐ มีดังนี้

1.เปิดแอปฯ ทางรัฐ แล้วกดปุ่ม เข้าสู่ระบบ

2.กดที่ปุ่ม สมัครสมาชิก

3.กดปุ่ม สมัครด้วยบัตรประชาชน

4.อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวแล้วกด เครื่องหมายถูก ที่ ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข แล้วกดปุ่ม ยอมรับ

5.ศึกษาข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน ให้อยู่ในกรอบ แล้วกดปุ่มสีขาวเพื่อถ่ายรูป

6.กรอกข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องตามบัตรประชาชนของท่าน แล้วกดปุ่ม ยืนยันตัวตน

7.ศึกษาข้อแนะนำในการสแกนหน้า แล้วจัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบ จากนั้นระบบจะทำการประมวลผลใบหน้าของท่าน

8.ทำการกำหนด ชื่อบัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่าน ในการเข้าสู่แอปฯ

9.ตั้งค่า PIN Code ทั้งหมด 6 หลัก และยืนยัน PIN Code ดังกล่าวอีกครั้ง

10.เปิดการใช้งานการสแกนใบหน้า เพื่อความสะดวกในการเข้าใช้งาน โดยกดปุ่ม ใช้งาน

11.การยืนยันตัวตนเข้าใช้งานสำเร็จแล้ว กดที่ปุ่ม เริ่มต้นใช้งาน

12.ระบบจะพาท่านกลับเข้าไปที่หน้าแรกของแอปฯ จากนั้นให้ท่านกดปุ่ม ตรวจสอบสถานะ

13.กดที่ ยืนยันเบอร์มือถือ เพื่อระบุเบอร์โทรศัพท์ของท่าน

14.กรอกเบอร์โทรศัพท์ของท่าน แล้วกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)

15.กรอกรหัส OTP 6 หลักที่ได้รับทาง SMS แล้วกดปุ่ม ยืนยันเบอร์โทรศัพท์ทางมือถือ

16.ท่านทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว

17.ท่านสามารถเช็กสถานะการลงทะเบียนฯ Digital Wallet ของท่านโดยการกดปุ่ม ตรวจสอบสถานะ

18.หากแสดงหน้าจอขั้นตอนที่ 3 แล้ว สามารถรอติดตามความคืบหน้า การลงทะเบียน Digital Wallet ต่อได้ทันที

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความชัดเจนเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาท นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะการจัดเตรียมงบประมาณไว้แจกให้ประชาชนในกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็สามารถใช้งบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกกลุ่มเปราะบางได้ทันที ภายในเดือนกันยายนปีนี้ โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

โดยมีรายงานว่า รัฐบาลจะเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13-14 ล้านคนก่อน ในเฟสแรก ซึ่งตามเงื่อนไขของการใช้งบประมาณปี 67 เงินจะถึงมือประชาชนอย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 30 กันยายนนี้ คาดว่าจะได้รับเงินระหว่างวันที่ 16 กันยายน ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไว้ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะปิดลงทะเบียนในวันที่ 15 กันยายน 2567

2

นายเปรม เสียชีวิตกะทันหัน ขอแสดงความเสียใจ

เวลา 03.20 น. ตำรวจ สน.บางเขนได้รับแจ้ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบทาง เกาะกลางถนนและเสาตอม่อBTSมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถนนพหลโยธินขาออก เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบศพนายเปรม  (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ช่องจราจรช่องที่ 3 สภาพศพมีบาดแผลตามร่างกายกรามหักใบหน้า มีบาดแผลฉกรรจ์และศีรษะแตกเสียเลือดจำนวนมาก ตัดผมสั้น แต่งกายใส่กางเกงขายาวสีเขียวเสื้อยืดคอกลมสีดำ ใกล้กันพบหมวกกันน็อกสีเขียวแบบเต็มใบตกอยู่ ห่างไปประมาณ 2 – 3 เมตร พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย นอนหมดสติอยู่กลางถนนมีบาดแผลตามร่างกาย กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตรโดยด่วน เป็นคน ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว

ทราบชื่อ น.ส. นันทิกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แกนฟรีร้านโน่ หมายทะเบียน 4 ขษ 427 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำอยู่ด้านขวารถมีรอยขูดกับถนนได้รับความเสียหาย

จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ใต้เบาะรถพบเสื้อราชการทหารสังกัด ทอ. 1 ตัว บริเวณปกคอเสื้อมีอักษร บ.น. 6 ติดอยู่ และ มี บัตรผ่านป้ายวงกลมเข้าออก ทอ. อีก 1 แผ่น

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าตนได้ขับรถตามหลังมาแล้วมองเห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับ อยู่ช่องจราจรที่ 2 จู่ๆ รถก็ได้เหวี่ยงมาเลนขวาสุดพุ่งชนกับเกาะกลางถนน และเสาตอม่อ BTS  ตนจึงได้จอดรถยังคนเจ็บไว้แล้วโทรแจ้งตำรวจกับกู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ส่วนล่างผู้เสียชีวิตกู้ภัย นำส่งพิสูจน์สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯ และติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร รายงาน

2

กรมอุตุฯ ประกาศเตือนแล้ว พายุไต้ฝุ่นยางิ ไทยเตรียมรับมือมรสุมถล่ม

วันที่ 4 ก.ย. 67 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 (164/2567) เรื่อง พายุ “ยางิ” เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (4 ก.ย. 67) พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 17.00 น.

2

Popular Posts

My Favorites

หนุ่มรับราชการ เงินเดือน 18,000 รู้สึกชีวิตล้มเหลว เห็นเพื่อนร่วมรุ่นได้เงินหลายหมื่น

0
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สมาชิกพันทิปรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ตัดพ้อ หลังจากเขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในชีวิต เมื่อเทียบกับความสำเร็จของเพื่อนคนอื่นๆ โดยหนุ่มเจ้าของกระทู้อยู่ในช่วงวัย 28 ปี เขาเห็นเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยหลายคนเลือกทำงานเอกชนและมีเงินเดือนสูงถึง 70,000 ส่วนเขาเลือกทำงานราชการจึงได้เงินเดือนเพียง 18,000 เท่านั้น เขารู้สึกเศร้าเพราะมองว่า ทั้งที่เรียนจบคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ทำไมชีวิตถึงได้แตกต่างกันแบบนี้ เพื่อนมีบ้านมีรถ ในขณะที่เขาเงินแทบไม่พอใช้ หากลาออกจากงานแล้วผันตัวไปทำเอกชนก็กลัวว่าบริษัทจะไม่รับ บางทีเขาก็แอบคิดว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่มารับราชการ เขาอยากกำจัดความรู้สึกเสียใจและล้มเหลวออกไป ควรทำอย่างไรดี หลังจากกระทู้ถูกเผยแพร่มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจล้นหลาม พร้อมแนะว่า “ทุกสิ่งมีความแตกต่างกัน”...