เดทแรกสวยตรงปก! หนุ่มก่อสร้างขี้เหงา ปิ๊งรักสาวพยาบาล ตื่นมาทอง 3 บาทหาย
หนุ่มก่อสร้างขี้เหงา ปิ๊งสาวพยาบาลในแอพหาคู่นัดเดทแรกที่รีสอร์ต ตื่นมาทองหนัก 3 บาทหาย ติดต่อไม่ยอมคืน อ้างโน้นอ้างนี่ วอนเอามาคืน ทำงานเก็บเงินซื้อมาจากน้ำพักน้ำแรง
วันที่ 23 ก.ค. 2567 ที่ สภ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี นายนัย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาว อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) ด้วยความเจ็บใจหลัง สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทหายไปพร้อมกับหญิงสาวที่นัดหมายมาพบกันเป็นครั้งแรก
นายนัย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า มาทำงานก่อสร้างกับน้าอยู่ที่ ต.โคกสะอาด อ.เมืองอุดรธานี 3-4 เดือนแล้วรู้สึกเหงาจึงเข้าไปในแอพหาคู่ ทำให้ได้รู้จักกับ น.ส.เซียส ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อ้างว่าเป็นพยาบาล อยู่จ.ขอนแก่น ซึ่งรูปโปรไฟล์ก็สวมชุดพยาบาล หน้าตาสวย ได้ทักทายพูดคุยจีบกันทางไลน์ ประมาณ 1 เดือน ต่อมาวันที่ 11 ก.ค. น.ส.เซียส นัดพบที่รีสอร์ตบริเวณสี่แยกเขื่อนห้วยหลวง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี
” หลังเลิกงานผมก็รีบไปหาเซียสตามนัด ก็ได้พบกับเซียส ซึ่งสวยตรงปก บอกว่ามากับแม่และน้องชาย เปิดห้องพักไว้ 3 ห้อง หลังพูดคุยกันเสร็จก็เข้าไปคุยกันต่อในห้อง ต่อมาเซียสขอตัวออกไปทำธุระกับแม่และน้องชาย ส่วนผมก็นอนเล่นอยู่ในห้อง ระหว่างนั้นเดินไปเดินเล่นนอกห้องโดยล็อกประตูห้องพักไว้ พอจะกลับเข้าห้อง พบว่าเอากุญแจผิดห้อง กลายเป็นกุญแจห้องน้องชายเซียส
ผมโทรไปบอกเซียส ว่าลืมกุญแจในห้อง และกระเป๋าสะพาอยู่ในห้องซึ่งมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทและเอกสารทางราชการอยู่ในกระเป๋า เซียสบอกว่าโทรติดต่อเจ้าของรีสอร์ตให้มาเปิดห้องให้แล้ว เจ้าของรีสอร์ตจะเข้ามาพรุ่งนี้ให้ผมนอนรอที่ห้องพักน้องชายไปก่อนกลับมาแล้วจะเรียก ผมก็ไปนอนรอแล้วเผลอหลับไป
ตื่นมาตี 4 โทรหาเซียสบอกว่ากลับมารีสอร์ตแล้วไปเปิดห้องเก็บสร้อยไว้ให้แล้ว ตอนนี้ออกไปทำธุระกับแม่และน้องไม่ต้องห่วง แต่ปรากฎว่าพอไปสอบถามพนักงาน ถึงรู้ว่าเซียสมาเปิดห้องพัก 2 ห้อง ไม่ใช่ 3 ห้อง พยายามโทรติดต่อให้นำสร้อยมาคืน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างไปทำธุระบ้าง ไปต่างจังหวัด ขึ้นเวรบ้าง สุดท้ายบอกว่าสร้อยอยู่กับแม่ ”
นายนัย เล่าต่อว่า ตนขอเบอร์แม่แล้วโทรไปหา แม่เซียสบอกว่าสร้อยอยู่กับแม่ แต่ยังกลับอุดรไม่ได้ เพราะว่าเซียส เกิดอุบัติเหตุที่ขอนแก่น เข้ารักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ มีอาการเลือดคั่งในสมอง ส่งรูปคนป่วยนอนอยู่บนเตียงมาให้ดูด้วย ตนก็ให้กำลังใจแต่ก็ยังไม่คืนสร้อย
สุดท้ายโทรไปก็ไม่รับสาย กระทั่งวันนี้ตัดสินใจมาแจ้งความให้ตำรวจติดตามเซียส เอาสร้อยทองมาคืน ฝากถึงเซียส ด้วยว่า “สร้อยทองเส้นนี้ผมทำงานเก็บหอมรอมริบซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่ทองบาทละ 3 หมื่นบาท เป็นน้ำพักน้ำแรงของผม ไม่ใช้ทรัพย์สินของคุณ”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนติดต่อน.ส.เซียส ให้นำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทมาคืนต่อไป